You are currently browsing the monthly archive for เมษายน 2017.

วันนี้ออกนอกเมืองนอกประเทศไปเบลเยี่ยมโดยไม่รู้อะไรเลย ไปตายเอาดาบหน้ามากๆเห็นว่าไปง่ายที่เที่ยวอยู่ติดกันอะไรงี้ ค้นดูว่ามันมีอะไรมากกว่าวัฟเฟิลก็เจอว่ามีตึกของzaha hadid อยู่ที่เมืองantwerp โอเค ไปไอ้นี่แหละ

ออกจากปารีสแต่เช้า ก็ไม่ได้ตรวจวีซ่าอะไร ดูแต่ตั๋ว เข้าไปถึงก็งงเลย แต่ป้ายสวยกว่าปารีส


แต่อ่านมาว่าเมืองบรัสเซลมันเล็กๆ เดินๆเอาก็เจอหมด ก็เจอจริงๆ ลานทองเจ็ดสี ดีที่มันอยู่รวมกัน จบงานไว แล้วก็เดินหาของกินต่อ

พบว่ามีแต่วัฟเฟิลเเละชอคโกแลตซึ่งอร่อยจริง ร้านสวยด้วย


เห็นโปสเตอร์ว่าหอศิลป์BOZARในเมืองอยู่ใกล้ๆเลยเดินไปดูdesignเฉยๆ ไม่มีเวลาเข้าแถมดูงานติดๆกันทุกวันมันจะเหนื่อยเกิน

พบว่ามันเจ๋งมากเลย ใช้ฟอนต์ที่ชาวบ้านเขาไม่ใช้กันได้เท่มาก เห็นทีเดียวก็จำได้แน่นอน


ระหว่างทางเดินไปก็ได้สำรวจเวิ้งวัฒนธรรมแถวนั้น คงเหมือนอุเอโนะที่เอาอะไรประมาณนี้มารวมๆกันไว้ มีมิวเซียมของmagrid มีหอสมุด มิวเซียมเครื่องดนตรีต่างๆนาๆ เมืองมันคนไม่เยอะ เดินสบาย สะอาดกว่าปารีส(นิดหน่อย)


เข้าหอศิลปมา มีความไม่เนี้ยบอยู่ แต่ดูสนุกดี น่าสำรวจ ที่แน่ๆดีไซน์ป้ายและidentityเท่มาก ช่วยให้ทุกอย่างดูดีขึ้น


เสร็จแล้วก็เดินทางไปantwerp เมืองชื่อเท่ๆ  จะได้เห็นตามคอลัมน์ดีไซน์ แต่จริงๆมันมีอะไรบ้างนะ นั่งรถไปลงปุ๊บ เช็ดเข้ ร้างยิ่งกว่าปทุมธานี
มีแต่รถวิ่งแต่ไม่มีคนเลย ไม่มีร้านค้าใดๆ เป็นโกดังที่ไม่มีคนทำงาน ปั๊มร้าง

สถานีก็ไม่มีคนเฝ้า จากสถานีจะไปยังไงก็ไม่รู้ ดีที่ตึกมันใหญ่มาก ก็เดินขึ้นสะพานทางด่วนกันไป หนาวก็หนาว เมืองท่าลมแรง



ระหว่างทางให้ความรู้สึกเหมือนทุกคนบนโลกอพยพไปดาวอื่นหมดแล้ว ไอ้ลำนี้น่ะลำสุดท้าย เพราะมันประหลาดเหลือเกิน เป็นก้อนไฮเทคในที่โล่งมากๆ คนก็ไม่มี






ตึกมันพีคจริงๆ นี่ดูรูปตอนนี้ยังเหวอว่าถ่ายเองมาได้จริงๆเหรอเนี่ย สร้างได้ยังไง


ถ่ายไปสองล้านรูปก็เดินทางกลับ ขากลับก็เหมือนถูกทิ้งไว้ในโลก จะไปในเมืองต่อยังไงวะ ดีที่มีลุงผู้โดยสารคนนึงให้ถาม ลุงบอกรางนี้แหละ นี่ก็เพิ่งเคยมาสถานีนี้ครั้งแรกเหมือนกัน อ้าวแล้วลุงรู้ได้ไง ป้ายอะไรก็ไม่มี

สุดท้ายก็กลับมาเดินกินๆๆๆ เมืองนี้ดีอะไรก็อร่อย ขนมปังเทพสุดๆ อาหารทะเล เนื้อ มันทอด ชอคโกแลต


กินจนบ้าไปเลย หมดวันกลับปารีสแบบอิ่มจะอ้วก

อ้อ มันมีเด็กฉี่เป็นของดังอยู่สินะ วันนี้มีแต่งตัวด้วย ขำๆดี

เช้ามาพุ่งไปตลาดนัดที่ใหญ่สุดในยุโรปอะไรเทือกนั้น กะว่าวินเทจเก๋ๆวันเสาร์แน่นอน ไปถึง สัด จตุจักร


จริงๆมันก็ดีแหละ แต่ไม่ได้จะซื้ออะไร เเล้ววันนี้ฝนตกด้วย เฉอะแฉะ เลยชิ่งโลด

ไปfoundation louis vuitton อีกตึกของgehryที่อยากไปมานาน 

ที่นี่สร้างในสวนสาธารณะนอกเมืองหน่อย ตอนแรกก็ตกใจว่าทำไมมันโป้งชึ่งจัง ไม่เหมือนที่เคยเห็น ลูกค้าสั่งแก้งานเรอะ เข้าไปเห็น อ่อ ไม่ใช่ พอดีเป็นศิลปินที่เอาสีมาติดกระจก ก็ติดกันไปทั้งตึก เสียดายเหมือนกันว่าไม่ได้เห็นสภาพขาวๆ แต่ก็จำง่ายดีว่าได้มาดูช่วงนี้ งานอื่นพอดีช่วงนี้เตรียมจัดงานอยู่เลยไม่ได้ดูแกลลอรี่ย่อยๆ แต่มีolafurให้ดูอันนึงก็ยังดี ซึ่งก็คุ้มมาก ดูอันนี้อันเดียวก็ได้ ยอม เป็นkaleidoscope ขนาดยักษ์ด้านล่างตึก 



 

คือมันซับซ้อนจนงง จริงๆถ่ายรูปไว้อีกเยอะ เดี๋ยวว่างๆเขียนแยกไปดีกว่า

ต่อด้วยตลาดนัดอีกที่ อันนี้เป็นแหล่งหนังสือเก่า ปกสวยๆทั้งนั้น 98%เป็นภาษาฝรั่งเศส เลยรอดมาได้ไม่เสียตัง แต่ชอบมาก มาอีกก็ไปอีกได้




ปิดวันด้วยปอมปิดู มิวเซียมสุดท้ายในโควต้าartpass 4วัน ได้เข้ามาซะที 

คอลเลคชั่นที่นี่เป็น modern artเลย ตัดกับงานที่ดูมาตลอดสี่วัน

ก่อนเข้าก็เจิมอาหารหน้าลานกว้างกันก่อน


เซตเบอร์เกอร์11ยูโร ก็พอๆกับที่โตเกียวแหละ


งานไม่เยอะ เทียบกับมิวเซียมอื่นๆ ซึ่งดีแล้ว มันเดินไม่ไหวแล้ว 



ปิดไปอีกงาน

โอย เหนื่อย จบ

ไม่สิ หลักๆวันนี้คือชดใช้กรรม ตอนเช้าไปแวร์ซาย ซึ่งจริงๆก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่มันต้องไปน่ะ พอไปถึงก็ได้บ่นเหมือนคนอื่นๆ คือคนเยอะ ต่อแถวไปแป๊บนึง เลิก คือถ้าข้างในมีงานใหม่ๆอย่างตอนมุราคามิก็ว่าไปอย่าง วัดวังฝรั่งนี่คนใจหยาบเราแยกออกที่ไหน เลยออกไปเดินสวน จ่ายตังเพิ่มจากartpassอีก อะตามสบาย 

ไม่ได้เข้าวัง เจอไรก็ถ่ายมา ตัวหนังสือตรงห้องขายตั๋วนี่ไม่ธรรมดา ไม่รู้ใครทำ

เดินสวนรอบนึง ก็เหนื่อยดี เคยมาตอนเด็กๆก็จำได้ลางๆ


หมดไปครึ่งวันเพื่อจะได้นึกออกเวลาดูหนังหลังจากนี้ กลับไปซ้ำลูฟว์อีกรอบคราวนี้กะว่าจะเก็บให้หมด

ก็พบว่าที่เหลือประมาณวัตถุโบราณมันก็เยอะมาก ซึ่งภาพเขียนศาสนาต่างๆ ถ้าไม่ใช่รูปฮิตๆมันก็เหมือนกันหมดอีกน่ะแหละเลยอนุมานได้ว่าวนดูหมดแล้ว สองรอบ อยู่ถึงสองทุ่ม เคลียร์บอส 



ที่ตื่นเต้นวันนี้คืองานPaniniคนนี้ เดอะอินเซปชั่น




ตอนนั่งพักอยู่ก็มีข่าวtrailer starwarsภาคใหม่ออก ธันวาคมเจอกัน

เฮือกสุดท้ายลากสังขารไปโลเกชั่น midnight in paris ได้ เห็นแบบนี้อีกฝั่งเป็นบาร์ คนเพียบ แต่ไม่มีใครสนใจ ก็ถือว่าติ่งลุงอัลเลนมาได้สองเมืองแล้ว

เริ่มหมดแรง นี่เดินสองวันห้าหมื่นก้าวเข้าไปละ คนอื่นอาจจะธรรมดา แต่ปกติเดินแค่จากโต๊ะทำงานไปตู้เย็น

เช้านี้ตื่นมาก็ไปหาตลาดกินไรตอนเช้า ไปเช้าไป ร้านไม่เปิด ก็เลยกินอย่างที่เขากินๆกันคือร้านขนมปังกาแฟแก้วนึง

เจอร้านหนังสือที่เล็งไว้ แต่ก็ยังไม่เปิด เดี๋ยวกลับมาใหม่ ปารีสก็เหมือนโตเกียว ตื่นเช้าไปก็เท่านั้น ร้านไม่เปิด


เมื่อวานไปลูฟ วันนี้เลยต่อด้วยd’orseyเลย คนเยอะแต่ไหลๆ 

เข้าไปก็มึนเลย เพราะมันเต็มไปด้วยมาสเตอร์พีซ รู้ว่าเยอะแต่ไม่คิดว่าจะอัดขนาดนี้ ปกติงานเด่นๆมันจะมีพื้นที่ให้หายใจ นี่วางติดกันรวดสิบอัน สะใจ
เข้ามาก็คิดถึงที่โยโกฮาม่าเหมือนกันนะแต่ใหญ่กว่าหลายเท่า


 

เก้าอี้ที่นี่ตั้งใจใช้the Water Block ของ Tokujin Yoshioka มีป้ายชื่อเสร็จสรรพ


นอกจากภาพเขียนก็มีงานปั้น งานผังเมือง ตึกต่างๆ อย่างโมเดลโอเปร่านี่ก็ทำให้เห็นภาพว่ามันอลังจริงๆ สมแล้วที่มีผีซ่อนอยู่ได้

แต่ที่เด่นคือภาพเขียนนั่นแหละ จบที่นี่แล้ววันนี้ก็ไม่สามารถดูอะไรได้อีกต่อไป คือถ้ามีหนังสือพวกหนึ่งร้อยภาพเขียนที่ต้องดูก่อนตาย มาที่เดียวนี่ออกมามึงก็ตายไปได้เลย คุ้มค่าตั๋ว (artpass)มาก

ออกมาชมเมือง เริ่มเจอร้านหนังสือสวยๆแบบที่เขาลงpinterestกันนั่นแหละ



มันก็เป็นภาษาฝรั่งเศสซะส่วนใหญ่ เหมือนเดินจิมโบโจ คือสวยดี แต่ซื้อไม่ได้

เลยเดินไปร้านหนังสือดังตามรอย before sunset จริงๆหนังก็ลืมไปแล้ว แต่ถ้ามันมีร้านหนังสือดังๆก็อยากไปดูแหละ

ระหว่างทางเจอร้านที่อยู่ในหนัง midnight in paris ซะอีก ตอนแรกจำไม่ได้ ที่ถ่ายเพราะมันสวยเด้งร้านเดียวในซอย


เดินเลียบแม่น้ำไปก็มาถึงร้าน Shakespeare and Company โอ คนเยอะมากมายทุกประเทศ ทัวร์ฮิปสเตอร์ลง


ข้างในถ่ายรูปไม่ได้ ถึงถ่ายได้ก็คงมีแต่คนแน่นไปหมด แต่หนังสือก็ดีจริงๆแหละ ภาษาอังกฤษด้วย ที่สำคัญปกสวยเหมือนเลือกมา เป็นร้านบุ้คโมบี้แห่งปารีส

พบว่าฝั่งตรงข้ามมีนอตเตรอดาม ไม่ได้ตั้งใจจะเจอ ก็เสียดายที่ไม่ได้ขึ้นไป มันเย็นแล้วพอดีมีพิธีบางอย่างด้วย เสียงออแกนเหมือนเกมไฟนอลแฟนตาซีภาคหก เป็นความขลังที่ล้อมรอบด้วยทัวร์จีน วนๆซักพักก็กลับ หมดพลัง จริงๆย่านแถวนั้นเดินสนุกดี เหมือนข้าวสาร


ไม่รู้จะเรียกวันไหนดี นับวันแรกไปละกัน

ลงสนามบินก็ตื่นเต้นเลย ตึกมันอนาคตเเบบโบราณๆดี เข้าเมืองง่ายมากแทบไม่มองหน้าไม่ถามไม่กดคีย์บอร์ดใดๆ ปั๊มตราจบ เข้าไปเลยหาทางรอดกันเอาเอง


บ้านพักอยู่แถวปอมปิดูเลย เดินออกมานิดเดียวถึง สะใจมาก แต่วันนี้ยังไม่เข้า มันใกล้มากเอาไว้วันง่อยๆค่อยแวะไปยังได้


ไม่ให้เสียเวลาเลยโยนกระเป๋าแล้วออกเดินไปตึกcinemathequeของfrank gehryต่อ จริงๆไปรถคงเร็วกว่าเยอะ เดินไปซักชั่วโมงนึงได้ แต่อยากเห็นเสกลบ้านเมืองและบรรยากาศเลยเดินดุ่มๆไปเรื่อยๆ

ระหว่างทางเจอมิวเซียมของpicassoเลยเเวะหน่อย โห ดีตั้งแต่โลโก้จรดทางออก สวยเนียนไปหมด



เดินไปจนเห็นตึกจริง ไม่ต้องค้นมาก็รู้ว่าใครทำ 


ด้านในเป็นโรงหนังและมิวเซียมเล็กๆเกี่ยวกับหนัง ไม่ค่อยมีคนหรอกข้างในก็เป็นป้าเซ็งๆเฝ้าอยู่ แต่ว่านั่นแหละ ภาพยนตร์มันเริ่มที่นี่


มีนิทรรศการหนังญี่ปุ่นอยู่ด้วย โธ่ อุตส่าห์ถ่อมาถึงนี่

จบแล้วเดินเข้าห้างและแหล่งช้อปบ้าง

พบว่าฝรั่งเศสเป็นประเทศประหยัด เพราะซื้ออะไรไม่ได้เลย เครื่องเพชร นาฬิกา ของไฮโซมากมายเรียงไปทั้งถนน จะซื้อหนังสือก็เป็นภาษาฝรั่งเศสอีก จบ เดี๋ยวจะกินอย่างเดียวให้หมดงบ 

เจอ collette ร้าน select shop ที่รู้จักมานาน มีงาน christoph niemann พอดี อยากได้หนังสือเลย เดี๋ยวซื้อ

ตลาดแตกคนเยอะเหมือนกัน ซึ่งก็ดีไม่งั้นคงเข้ายาก ไม่ได้จะซื้ออะไรอยู่แล้ว ของญี่ปุ่นนี่เพียบ


ไม่มีที่ไปแล้วเฮือกสุดท้ายเลยลองโฉบไปlouvreมันซะเลย ปิรามิดนี่เคยมาตอนเด็กๆตอนนั้นยังสร้างไม่เสร็จ



เข้ามาก็มึน ของเยอะจัด

เจอโมนาลิซ่าอีกที คนก็ไม่เยอะขนาดนั้น ถ้าจะดูก็ไม่ลำบาก


ถ้าถ่ายอีกด้านกำแพงดูจะเห็นแบบนี้ 

อีกสองชิ้นที่ดังๆใกล้ๆกัน ใหญ่กว่าที่คิดสิบเท่า เออก็ควรจะดังแหละ


ตอนไปดูมีการต้อนคนออกนอกพื้นที่นิดหน่อยเพราะดันมีใครเอาของไปวางแบบน่าสงสัย แต่ก็แป้บเดียวไม่ถึงห้านาทีก็กลับมาปกติ 

หมดวันหมดแรง เดี๋ยวมาใหม่

ลาออกมาได้แป้บนึงก็ไปเที่ยวซะหน่อย รู้ว่าถ้าเก็บจบทริปค่อยเขียนคงไม่ได้เขียน เลยกะจะอัพไปเรื่อยๆเลยดีกว่า

วันแรกก็ไม่มีอะไร ซวยคือฝนตก ต้องลากแตะหนาวๆมาเลย จบ

หมวดหมู่

คลังเก็บ

Blog Stats

  • 310,920 hits